วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

                                                      1.ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว
ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว    เป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นตำนานของปราชญ์ท้องถิ่น
วิถีชีวิตชาวบ้าน ตลอดจนวัฒนธรรมที่ดีงามของการเรียนรู้ เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถพัฒนาสังคมแห่งการเรียนสังคมเอื้ออาทร สังคมภูมิปัญญา

ที่มาและความสำคัญ
            ในปัจจุบันวัสดุที่เหลือใช้จากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์มีมากขึ้นเรื่อยๆ  และวัสดุบางประเภทมีมากในท้องถิ่นสามารถนำมาแปรรูปเป็นสิ่งของเครื่องใช้และนำไปจำหน่าย ซึ่งใช้สอยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถนำมาประกอบเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้แก่ครอบครัว  ซึ่งกะลามะพร้าวเป็นสิ่งที่หาง่ายในท้องถิ่นซึ่งสามารถนำมาตกแต่งอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่ต่างๆได้ และเกิดความสวยงามแก่ผู้พบเห็น และยังได้นำกะลามะพร้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกะลามะพร้าวให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ของใช้จากกะลา
            
มะพร้าวเป็นสิ่งที่หาง่ายในท้องถิ่น และส่วนต่างๆของกะลามะพร้าวสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนเช่น ผลอ่อนนำมารับประทานได้เนื้อมะพร้าวที่เป็นผลแก่นำไปปรุงอาหารและนำไปใช้ทำขนมได้หลายชนิดละใช้สกัดเป็นน้ำมัน ส่วน เปลือกของมะพร้าวที่เหลือสามารถเอาไปแยกแล้วนำเส้นใยมาทำเชือก ส่วนกะลามะพร้าวก็สามารถนำมาทำเป็นภาชนะและเป็นของใช้ภายในบ้าน เพราะกะลามะพร้าวเมื่อขัดเงาจะมีความสวยงามมากซึ่งสามารถนำมาทำสิ่งประดิษฐ์ของใช้จากกะลา เพื่อนำมาตกแต่งบ้านเรือนปละสถานที่ต่างๆก็จะทำให้เกิดความสวยงามแก่ผู้พบเห็นได้
เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภัณฑ์ ลักษณะที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว
1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นตำนานของปราชญ์ท้องถิ่น วิถีชีวิตชาวบ้าน ตลอดจนวัฒนธรรมที่ดีงามของการเรียนรู้
2. มีลักษณะโดดเด่นที่เน้นงานฝีมือของชาวบ้านที่สามารถพัฒนาและเพิ่มคุณค่าของวัสดุในท้องถิ่นและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นวิถีทางสังคมได้อย่างลงตัว
3. เป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถพัฒนาสังคมแห่งการเรียนสังคม เอื้ออาทร สังคมภูมิปัญญาไปพร้อมกับการพัฒนารายได้ขยายการผลิตการตลาดอย่างกว้างขวาง และสามารถ ทำรายได้สู่ชุมชนและจังหวัดพัทลุงปีละหลายล้านบาทอีกทั้งวิถีชีวิตของชุมชน ยังส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวเจริญเติบโดตามไปด้วย จะมีความนุ่มและสวยงามคงทนทำจากวัสดุธรรมชาติซึ่งหาได้ในพื้นที่
ตัวอย่าผลิตภัณฑ์ของกะลามะพร้าว










                                                     2.ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ไม้ไผ่ เป็นไม้ที่ขึ้นง่ายและเติบโตเร็ว ขึ้นได้ดีในทุกสภาวะอากาศดำรงอยู่ได้ในพื้นดินทุกชนิด ที่สำคัญคือ ไผ่เป็นพันธุ์ไม้ที่อำนวยประโยชน์หลายประการ ทั้งประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม และเป็นพืชที่ลำต้นกิ่งมีลักษณะแปลกสวยงาม ไผ่เป็นไม้ที่ตายยาก ถ้าไผ่ออกดอกเมื่อใดจึงจะตาย แต่ก็ยากมากและนานมากที่ไผ่จะออกดอก ไม้ไผ่มีประโยชน์มากกับคนเราคนเราสามารถนำไม้ไผ่มาสร้างบ้านที่อยู่อาศัย  และทำเครื่องจักสานอื่นๆอีกมากมายสำหรับไม่ไผ่นั้นใช้ได้ทุกส่วนตั้งแต่ หน่อ ลำต้น ใบ ราก เยื่อไผ่ ขุยไผ่ มีประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวัน  ในปัจจุบันเราสามารถนำไม้ไผ่มาจักรสานทำเป็นอาชีพหารายได้ให้แก่ครอบครัว และยังเป็นงานที่เราส่งออกไปขายอยู่นอกประเทศสำหรับคนไทยเราแล้ว งานที่ใช้ฝีมือถือว่าเป็นงานที่ประณีตระเอียดและสวยงามมาก
 ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่  ในสมัยโบราณ ปู่ย่า ตา ยาย นำไม้ไผ่ที่เกิดขึ้นและมีตามธรรมชาติ มาดัดแปลงใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน หรือเครื่องไม้เครื่องมือในแปลงเกษตร ล้วนแล้วแต่ใช้ไม้ไผ่มาประกอบเป็นส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า ตัดปล้องไม้ไผ่ที่ติดข้อทั้งสองด้านนำมาเจาะรูทำเป็นกระบอกออมสินเก็บเงิน นำกระบอกไม้ไผ่มาเจาะรูนำตะเกียงเข้าไปตั้งกันลมพัดไฟตะเกียงดับ ล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า คู่ควรแก่การสืบทอดชั่วลูกหลาน

          ความเป็นมา  ปี 2548 นายอนันต์ สุภูตัง ชาวบ้านหนองค้า หมู่ที่ 2 ตำบลนาม่อง อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร เป็นผู้ที่มองเห็นคุณค่าของภูมปัญญาดังกล่าว และเห็นว่าในพื้นที่หมู่บ้านหนองค้า และหมู่บ้านใกล้เคียง มีไม้ไผ่มากและไม่ค่อยมีใครนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสักเท่าไร จึงได้พยายามคิดค้น ดัดแปลง ภูมปัญญาชาวบ้านแต่โบราณให้เข้ากับยุกต์สมัย จากไม้ไผ่ธรรมดาจนกลายมาเป็นโคมไฟบ้าง กระปุกออมสินบ้าง และอีกหลาย ๆ อย่างที่ได้ทดรองทำผิดบ้างถูกบ้างจนเข้าที่เข้าทาง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ลองนำไปจำหน่ายที่ตลาดในตัวจังหวัดสกลนคร ปรากฏว่าเป็นที่สนใจของลูกค้า จึงชักชวนเพื่อบ้านมาร่วมกันทำ จึงได้กลายเป็นกลุ่ม แปรรูปผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่





















 3.ผลิตภัณฑ์จากต้นกก

ประวัติความเป็นมา
           ชาวบ้านนาสะแบง มีอาชีพหลักของชาวบ้านคือ การทำไร่ ทำนา เมื่อเสร็จจากฤดูทำไร่ ทำนา ชาวบ้านก็ไม่มีอะไรจะทำ เนื่องจากหมู่บ้านในภาคอีสานโดยทั่วไป สามารถทำนาได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เพราไม่มีระบบชลประทาน ส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงปศุสัตว์ หาปลา และรับจ้างทั่วไป จนกว่าจะถึงฤดูทำนา ในระยะนี้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ใกล้ๆหมู่บ้าน จะมีต้นกกขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านก็จะไปตัดต้นกกมาทอเป็นเสื่อสำหรับใช้ในครัวเรือน หรือถ้ามีเสื่อจำนวนมาก ก็จะนำไปแลกข้าว แลกปลา ปลาร้า หรืออื่นในหมู่บ้านใกล้เคียง โดยการทอเสื่อกกแต่ละคนก็จะทำตามภูมิปัญญาชาวบ้านที่สั่งสมสืบต่อกันมา ต่อมาก็ได้มีการย้อมสีกก คิดค้นแบบที่เป็นลวดลายหลายแบบหลายขนาด มีลวดลายสีสันสวยงาม บางคนทอเสื่อเป็นลายที่เป็นชื่อตัวเอง หรือเขียนเป็นข้อความต่างๆ การทอเสื่อไม่วาจะทอจากกก หรือผือ ไหล ชาวบ้านเรียกว่า การต่ำสาด ” 

           ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2534 ได้จัดตั้งกลุ่มแม่บ้านทอเสื่อกก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากพัฒนาชุมชนอำเภอกุดชุมได้ออกมาแนะนำ สนับสนุน ให้ความรู้ รวมทั้งจัดหาวิทยากรมาสาธิตในการทอเสื่อกกที่มีลวดลายสวยงาม ทันสมัย ในปี พ.ศ. 2545 จึงได้มีการรื้อฟื้นกลุ่มทอเสื่อกกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และเปลี่ยนชื่อกลุ่มเดิมเป็น กลุ่มอาชีพสตรีนาสะแบงโดยกิจการของกลุ่มมีหลายอย่าง โดยเน้นการทกเสื่อกกและออกแบบผลิตภัณฑ์จากกก ได้มีการพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องใช้หลายอย่างที่ส่วยงาม ทันสมัย รวมทั้งการเข้ารับการอบรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ปี พ.ศ. 2547 ทางกลุ่มได้จดทะเบียนผลิตภัณฑ์ของกลุ่มกับสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร รวมทั้งการร่วมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้จากกก ได้รับการรับรองในระดับ 2 ดาว และมีการพัฒนามาเรื่องๆ ปี พ.ศ. 2552-2553 ร่วมคัดสรรในประเภทของใช้ของตกแต่ง ได้รับการรับรองในระดับ 2 ดาว และในปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเป็นของใช้ของตกแต่ง ของที่ระลึก เช่น กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าถือ ภาพวาดศิลปะบนเสื่อกก และอื่นๆอีกมากมาย
อัตลักษณ์(เอกลักษณ์)/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
1. สมาขิกทุกคนสามารถทอเสื่อได้ เพราะเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมและสามารถพัฒนาลวดลายที่สวยงามต่างๆได้
2. การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ลงทุนน้อย แต่ได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามมีคุณค่า
3. รูปแบบสวยงามทันสมัย ทนทาน เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากต้นกก













                                                                      แบบฝึกหัดท้ายบทเรียน
                                   บทที่
1  แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่
1
.ข้อมูลหมายถึง
        ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชื่อนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น

2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ
       สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ซึ่งนำไปสู่การยอมรับเป็นทฤษฎีใหม่ที่เชื่อถือได้ สารสนเทศประเภทนี้มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของสิ่งพิมพ์
ยกตัวอย่างประกอบ  เช่น
วารสาร รายงานการวิจัย รายงานการประชุมและสัมมนาวิชาการ สิทธิบัตร เอกสารมาตรฐานต่าง ๆ ต้นฉบับตัวเขียน จดหมายเหตุ วิทยานิพนธ์ และการถ่ายทอดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ
          สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขป เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ยกตัวอย่างประกอบ  สื่ออ้างอิงประเภทต่าง ๆ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความ รวมถึงหนังสือ ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม พจนานุกรม รายงานสถิติต่าง ๆ ดรรชนีและสาระสังเขป
4.สารสนเทศหมายถึง
           ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเป็นข้อความที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
   1.     ระบบสารสนเทศสำหรับระดับผู้ปฏิบัติงาน (Operational – level systems)
   2.     ระบบสารสนเทศสำหรับผู้ชำนาญการ (Knowledge-level systems)
   3.    ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Management - level systems)
   4.     ระบบสารสนเทศระดับกลยุทธ์ (Strategic-level system)
6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ
         เช่น ภาพ เสียง วีดีโอ  ข้อมูลคือข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ  ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆดังนั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจนั้นเอง 

7.
ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
      
 1.การประมวลผลด้วยมือ (Manual Data Processing)
          2. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล (Mechanical Data Processing)
          3. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (EDP : Electronic Data)
8.ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น  =ข้อมูล
9.ผลของการลงทะเบียนเป็น  = แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต
 10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวันSectionวันอังคารเป็น
  =สารสนเทศ
บทที่ 2  บทบาทสารสนเทศกับสังคม
คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่าง ๆ ตามหัวข้อเหล่านี้มาอย่างละ 3 รายการ
1.1  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
       1) http://www.vcharkarn.com
       2)
http://www.thaigoodview.com
1.2  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน
       1) http://www.moc.go.th
      
2) http://www.goonline.in.th
1.3  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน
        1) http://www.manager.co.th
        2) 
http://www.seedmcot.com
1.4
  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
        1) http://www.industry.go.th
        2)
 http://www.thairung.co.th
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
       1) http://www.dmsc.moph.go.th
       2)
http://www.niems.go.th 
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
      1)  http://www.rtsd.mi.th       
      2)
  http://www.navy.mi.th
1.7  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
      1) http://www.coe.or.th 
      2)
  http://www.tumcivil.com
1.8  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
      1) http://www.doae.go.th
      2)
http://www.bangsaiagro.com
1.9
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่าง ๆ
      1) http://www.braille-cet.in.th 
        2)
http://www.nep.go.th    
2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่างน้อย 3 อย่าง
      
1)การพัฒนาระบบสารสนเทศช่วยการเรียนการสอน
     
2)การวางแผนและการบริหารการศึกษา
      3)การวางแผนหลักสูตร
3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
        ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เช่นเราจะตรวจสอบตารางเรียนก็สามารถเข้าระบบได้อย่างง่ายและสะดวกรวดเร็ว

บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศตอบ ข้อ ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ตอบ ข้อ ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ตอบ ข้อก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
ตอบ ข้อ ค.  สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
   ตอบ ข้อ ค. 5-4-1-2-3              
บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ
คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1)      การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล  ตอบ  USB แฟลชไดรฟ์ ,  RAM ,  ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์            
2)      การแสดงผล  ตอบ   (1) จอภาพ    (2 )เครื่องพิมพ์แบบจุด   (3)เครื่องฉายภาพ
3)      การประมวลผล ตอบ  (1)ซีพียู (CPU)  (2)เมนบอร์ด (Mainboard, mother board) (3)หน่วยความจำ  (Memory)               4)      การสื่อสารและเครือข่าย  ตอบ  (1)โมเด็ม (MODEM) (2)มัลติเพล็กซ์เซอร์ (Multiplexer)(3)เราเตอร์ (Router)
2.       ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน
…3… ซอฟต์แวร์ประยุกต์
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล
..10… Information Technology
2. e-Revenue
…7… คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
…1…เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder
…4…ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการททำงาน
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
…8… ซอฟต์แวร์ระบบ
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
…9… การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
…6… EDI
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
…2… การสื่อสารโทรคมนาคม
9. CAI
…5…บริการชำระภาษีออนไลน์
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.       จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
       การทำกิจกรรมหลัก ต่างๆ ในการจัดหา การจัดโครงสร้าง (organization) การควบคุม ผลิต การเผยแพร่และการใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์การทุกประเภทอย่างมีประสิทธิผล กระบวนการดำเนินงาน เช่น ทำดรรชนี การจัดหมวดหมู่ การจัดแฟ้มการทำรายการเพื่อการเข้าถึงเอกสารหรือสารสนเทศที่มีการบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่จดหมายเหตุ
2.       การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร
      ความสำคัญต่อบุคคลการจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคล รวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน บุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข อาทิ ต้องการสารสนเทศเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ต้องจัดการค่าใช้จ่ายในครอบครัว ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล การดูแลอาคารที่อยู่อาศัยต่างๆ
     ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ 1) ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง 2) ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆ 3) ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ
3.       พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
       แบ่งออกเป็น 2ยุค  คือ 1)การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือการจัดการสารสนเทศเริ่มต้นเมื่อมีการสร้างอารยธรรมในด้านการบันทึกความรู้ ราว 2,000 - 8,000 ปีก่อนคริสตศักราช อียิปต์โบราณใช้กระดาษปาปิ รัสเขียนบันทึกข้อมูล หอสมุดอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria) สร้างโดยพระเจ้าปโทเลมีที่ 1 ในช่วง 285 ปีก่อนคริสตศักราช
     2) การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์ การจัดการสารสนเทศเกิดขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อสารสนเทศมีปริมาณมากมาย รูปลักษณ์หลากหลายคอมพิวเตอร์มีพัฒนาการของจากอดีตถึงปัจจุบัน ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ในระยะแรก ตั้งแต่ ค.ศ. 1946 มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีหลอดสูญญากาศ ใช้ในงานค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ การสำรวจสำมะโนประชากร
4.       จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
          1
) ด้านการศึกษา เช่น ระบบลงทะเบียนเรียน
         2)การตรวจสอบข้อมูล  เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาเพื่อได้สารสนเทศ ที่คุณภาพ
         3)การทำรายงาน  เป็นการประมวลผลที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุด  โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเผยแพร่ ข้อมูลในอนาคต
บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน กลุ่มที่เรียน
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด?

 ตอบ ข้อ  1. เทคโนโลยีสารสนเทศ
  
2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
   ตอบ ข้อ
2. ระบบการเรียนการสอนทางไกล
  

3. การฝากถอนเงินผ่านเอทีเอ็ม (ATM) เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
   ตอบ ข้อ
 2. เปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย
   

4. ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
   ตอบ ข้อ
4. ถูกทุกข้อ
5.
เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?
ตอบ ข้อ3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ

6.
เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
  ตอบ ข้อ4. ถูกทุกข้อ
7.
ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ ข้อ1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

8.
ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
ตอบ ข้อ 4. โทรทัศน์ วิทยุ
9.
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ?
 ตอบ ข้อ3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

10.
ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?ตอบ ข้อ4. ถูกทุกข้อ
        บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ 
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. หน้าที่ของไฟร์วอลล์ (Firewall) คือ   เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายภายใน (Internet) โดยป้องกันผู้
บุกรุก
(Intrusion) ที่มาจากเครือข่ายภายนอก (Internet) หรือเป็นการกำหนดนโยบายการควบคุมการเข้าถึงระหว่างเครือข่ายสองเครือข่าย โดยสามารถกระทำได้โดยวิธีแตกต่างกันไป แล้วแต่ระบบ
2. จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm , virus computer, spy ware, adware มาอย่างน้อย 1 โปรแกรม
 
  Worm (หนอนอินเตอร์เน็ต) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับโปรแกรมไวรัส แต่แพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ที่ต่ออยู่บนเครือข่ายด้วยกัน ลักษณะการแพร่กระจายคล้ายตัวหนอนที่เจาะไชไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ แพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตัวเองออกเป็นหลาย ๆ โปรแกรม และส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป และสามารถแพร่กระจายผ่านทางอีเมล์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Outlook Express หรือ Microsoft Outlook
3. ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
          มี 3 ชนิด คือ 1. ไวรัสตามวิธีการติดต่อ
                               2. ไวรัสตามลักษณะการทำงาน
                               3. ไวรัสตามลักษณะแฟ้มที่ติดไวรัส
4. ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
1)  ควรติดตั้งซอฟแวร์ป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้ และสามารถอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสและเครื่องมือได้ตลอด เพราะจะทำให้สามารถดักจับ และจัดการกับไวรัสตัวใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2) อย่าตั้งค่าให้โปรแกรมอีเมล์เปิดไฟล์ที่แนบมาโดยอัตโนมัติ ควรจะต้องตรวจสอบก่อนดาวน์โหลดหรือเปิดไฟล์ขึ้นมา
3)สแกนไฟล์แนบท้ายของอีเมล์ทุกฉบับ หรือแม้แต่อีเมล์จากคนรู้จัก
4)ตั้งค่าระบบป้องกันให้ทำงานทันทีที่เริ่มเปิดคอมพิวเตอร์ใช้งาน
5)ควรสแกนแฟลชไดรฟ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง เพราแฟลชไดรฟ์เป็นพาหะในการนำข้อมูลจากพีซีเครื่องหนึ่งมาใส่ในอีกเครื่อง
5. มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ได้แก่
    “ผู้ใดประสงค์แจกจ่ายแสดง อวดทำ ผลิตแก่ประชาชนหรือทำให้เผยแพร่ซึ่งเอกสาร ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ แถบยันทึกเสียง บันทึกภาพหรือเกี่ยวเนื่องกับสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ